เบื่อการเป็นสิวซ้ำซากไหม? หายแล้ว เป็นใหม่ วนๆ กันไปเรื่อย ทำไมถึงไม่หายขาด
สำหรับใครที่กลุ้มใจกับการเป็นสิวซ้ำๆ ซากๆ รักษาแล้วรักษาอีกก็ไม่หายขาดสักที ทางคลินิกจะมาอธิบายสาเหตุ ปัจจัย ต่างๆ ให้ค่ะ
1.เข้าใจวงจรสิว
ขั้นแรกของการเกิดสิว เริ่มจากเกิดการอุดตันในรูขุมขน ทั้งจากน้ำมันที่สร้างขึ้นและเซลผิวที่หลุดลอกออกมา นอกจากนั้นสิ่งอุดตันอื่นที่เพิ่มเข้ามา ได้แก่ เครื่องสําอาง สิ่งสกปรกจากมลภาวะ และสภาพแวดล้อมอื่น ๆ
หลังจากเกิดการอุดตันแล้วก็จะเกิดตุ่มสิวขึ้น กลายเป็นสิวไม่อักเสบ คือไม่มีอาการปวด บวม แดง โดยสิวไม่อักเสบ คือ สิวหัวขาวกับสิวหัวดำ (สิวหัวขาวคือสิวที่ไม่มีรูเปิดสู่ภายนอก และสิวหัวดำคือสิวที่มีรูเปิดสู่ภายนอก) ผ่านมาถึงขั้นตอนนี้ สิวบางเม็ดที่เกิดขึ้นเกิดการติดเชื้อทำให้กลางเป็นสิวอักเสบ ซึ่งจะเริ่มเห็นเป็นตุ่มนูน ๆ แดง ๆ เจ็บ และเกิดหนองตามมา
2.ระยะเวลาของการเป็นสิว
โดยปกติแล้วสิวแต่ละชนิดมีวงจร และระยะเวลาการเกิด กระทั่งอักเสบหรือยุบที่แตกต่างกัน โดยสิวที่มีขนาดเล็กและไม่อักเสบ จะใช้เวลา ประมาณ 3-5 วัน ก็จะหายไป ส่วนสิวที่มีขนาดใหญ่ จะต้องใช้ระยะเวลานานขึ้น โดยอาจใช้เวลานานหลายสัปดาห์

1.สิวหัวดำ
สิวชนิดนี้เรียกว่า สิวอุดตันหัวเปิด หรือ สิวหัวดำ มีลักษณะเป็นตุ่มนูน เม็ดเล็กๆ มีรูเปิดออกจนเห็นหัวสิว และมองเห็นจุดสีดำอยู่บริเวณตรงกลาง
2. สิวหัวขาว
สิวอุดตันหัวปิด หรือเรียกกันว่า สิวหัวขาว มีลักษณะเป็นตุ่มนูน สิวยังไม่มีรูเปิด จึงทำให้ดันผิวจนนูนขึ้นมา เมื่อใช้มือลูบจะรู้สึกเหมือนมีไตก้อนเล็กๆ บีบออกยาก เพราะรากสิวลึก สิวประเภทนี้เมื่อปล่อยไว้นานๆ จะขยายขนาดขึ้น และมีโอกาสกลายเป็นสิวอักเสบ
3. สิวเสี้ยน/สิวอุดตัน
สิวเสี้ยน มีลักษณะเป็นเสี้ยนเหมือนกับชื่อ สิวเสี้ยนเป็นความผิดปกติชนิดหน่ึงที่เกิดขึ้นกับรูขุมขน ลักษณะคล้ายกับการเกิดสิวอุดตัน คือ เกิดจากความผิดปกติของผิวหนังบริเวณรูขุมขนที่ทำให้มีการหนาตัวของชั้นขี้ไคล ร่วมกับมีการสะสมของขนอ่อนในรูขุมขนนั้นๆ

4. สิวอักเสบแดงเป็นก้อน
เป็นสิวอักเสบชนิดหนึ่ง ลักษณะเป็นตุ่มสีแดงขนาดใหญ่ อยู่ใต้ผิวหนัง จับดูจะรู้สึกเป็นไตแข็งๆ เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บ แบคทีเรียและน้ำมันในตุ่มสิวแตกกระจายอยู่ใต้ผิวหนัง
5. สิวชนิดตุ่มนูนแดง
สิวอักเสบชนิดถัดมา คือสิวตุ่มแดง เป็นตุ่มแดงเจ็บ ขนาดเล็ก ไม่เกิน 0.5 ซม. ส่วนมากสิวชนิดนี้เป็นสิวอักเสบในระยะแรกที่พัฒนามาจากสิวอุดตัน
6. สิวหัวหนอง
นี่ก็สิวอักเสบเหมือนกัน มีลักษณะเป็นตุ่มแดงและปวด ข้างบนตุ่มมีหัวหนองสีเหลือง เป็นสิวที่มีอาการอักเสบมากกว่าสิวอักเสบ หรืออาจเกิดจากสิวมีการติดเชื้อแบคทีเรียอื่นแทรกซ้อน
7. สิวหัวช้าง
เป็นสิวอักเสบชนิดรุนแรง มักเป็นในวัยรุ่นที่มีผิวหน้ามันมาก บางรายมีประวัติคนในครอบครัวเป็นสิวหัวช้างด้วย สิวหัวช้างมีลักษณะเป็นสิวอักเสบรุนแรงทุกชนิดขึ้นรวมกันหนาแน่น

3 ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวเรื้อรังไม่จบไม่สิ้น
เป็นสิวเรื้อรัง ไม่หายสักที เพราะปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้
ปัจจัยภายใน
•ฮอร์โมนร่างกาย สร้างไขมันมากเกินไปทำให้เกิดการอุดตันท่อทางเดินไขมันบนผิวหน้า
•กรรมพันธุ์ + สภาพผิว ลักษณะทางพันธุกรรมจากรุ่นพ่อเเม่สู่รุ่นลูก เช่น พ่อเเม่เป็นคนผิวมัน
มีสิวอยู่เเล้ว ลูกก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นได้เหมือนกัน เพราะคนผิวมันมักจะเกิด สิวอักเสบ สิวอุดตัน กลายเป็น สิวเรื้อรัง ได้ง่ายกว่าคนผิวเเห้ง
ปัจจัยภายนอก
•การล้างหน้าไม่สะอาด ทำให้เกิด สิวอักเสบ สิวอุดตัน เพราะเชื้อเเบคทีเรีย ตกค้างบนใบหน้า
•ใช้มือสัมผัสหน้าบ่อย ๆ + ความอบอ้าวของสภาพอากาศ มลภาวะเเสงแดด มือเเละเเมสถือเป็นเเหล่งสะสมเชื้อโรคอย่างดี พอมาสัมผัสกับใบหน้าเราอาจก่อให้เกิดการระคายเคือง จนผิวเกิดการเเพ้ เป็นสิวอักเสบ สิวอุดตัน เป็นสิวเรื้อรัง ไม่หายสักที ได้นะคะ
•กิจวัตรประจำวัน เช็คเครื่องสำอาง หรือ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจเป็นต้นเหตุกระตุ้นการเกิดสิวอักเสบ สิวอุดตันที่รูขุมขนได้
•ชอบบีบสิว การบีบสิวบ่อย ๆ จะทำให้เชื้อเเบคทีเรียเเพร่กระจายทั่วใบหน้า เป็นสาเหตุให้สิวใหม่ เกิดขึ้นได้ง่ายเเถมสิวเก่าที่มีก็ไม่ได้ลดลงอีกทั้งยังทิ้งรอยดำรอยเดงด้วย
ใช้ผ้าเช็ดหน้าเเรง ๆ ทำให้เกิด สิวเรื้อรัง ได้เพราะพฤติกรรมเเบบนี้จะไปกระตุ้นผิวหน้าให้เกิดการระคายเคืองเเละอักเสบ

ปัจจัยแวดล้อมก็มีผลทำให้สิวไม่หายขาด
ส่วนเรื่องการที่ว่าทำไมรักษาคลินิกดังๆหลายๆที่แล้วไม่หาย หรือกลับมาเป็นซ้ำ หรือ ใช้เวลาการรักษานานกว่าปกติ สามารถอธิบายสาเหตุได้
ผู้ป่วยไม่ร่วมมือในการรักษาเป็นปัญหาที่พบบ่อย โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคสิวที่รักษาไม่หายขาด
สิวเรื้อรัง ซึ่งบางครั้งต้องรับประทานยาเป็นประจำ หลายๆเดือน หรือต่อเนื่อง การรับประทานยาแบบหยุดๆ ขาดๆ อาจทำให้การรักษาไม่ได้ผล
อาจกล่าวได้ว่าเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ในการรักษาไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งๆที่แพทย์ได้ให้การรักษาอย่างเต็มที่
นอกจากการไม่รับประทานยาไม่ครบตามขนาด หรือไม่สม่ำเสมอ ก็อาจจะมีสาเหตุอื่น เช่น ไม่ปฎิบัติตัวตามที่แพทย์แนะนำ ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญเกี่ยวข้องต่อการกลับมาของสิว ซึ่งแต่ละเรื่องล้วนเป็นปัจจัยแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา เช่น อาหารการกิน อาชีพ พฤติกรรมที่อาจรบกวนผิว สิ่งแวดล้อม มลภาวะ และภาวะทางอารมณ์
1.อาหาร มีรายงานเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของผลิตภัณฑ์จากนม และอาหารจำพวกแป้งที่มีดัชนีน้ำตาลสูง กับการทำให้สิวแย่ลง อาหารจำพวกนี้มีผลต่ออาการสิวของคุณ
2.ปัจจัยเกี่ยวกับอาชีพ คุณทำอาชีพอะไร ส่วนนี้ก็มีผล ในบางอาชีพต้องแต่งหน้าเยอะ เครื่องสำอางบางชนิดก็ทำให้เกิดการอุดตันจนทำให้เกิดสิวได้ เช่นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีความเป็นด่างสูง ก็เป็นสาเหตุหนึ่งในการระตุ้นสิวให้แย่ลงได้
3.สิ่งแวดล้อมและวิถีการดำเนินชีวิต คือสิ่งที่เราต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน มลภาวะทางอากาศ มีผลเป็นอย่างมากในการทำให้เกิดภาวะความเครียดต่อเซลล์ผิว ทำให้ผิวเสียความสมดุล ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ทำให้ต่อมไขมันผลิตไขมันเพิ่มมากขึ้น จำนวนสิวอักเสบและอุดตันเพิ่มขึ้นด้วย ส่วนความร้อน ความชื้นและรังสียูวี ก็ทำให้สิวอักเสบเห่อขึ้นได้
4.ภาวะทางอารมณ์ มีหลักฐานบ่งบอกว่าความเครียดรวมถึงการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ความเครียดมีผลต่อต่อมไขมัน และทำให้สิว หรือโรคผิวหนังแย่ลง

วิธีการรักษา
1.เมื่อเป็นสิว ยิ่งต้องดูแลผิวให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงการทำร้ายผิวด้วย ยา หรือกรด หากใช้ยาให้อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อแนะนำการใช้ยาที่ถูกต้องจะได้ไม่ก่อให้เกิดปัญหาผิวเสียจนเกิดเป็นสิวเรื้อรัง เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวเป็นสิวโดยเฉพาะที่อ่อนโยน
2.เรื่องการขับถ่าย เป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งสำหรับสาว ๆ ยุคนี้ ให้ดูแลการขับถ่ายให้เป็นกิจวัตรประจำวัน คือ ขับถ่ายทุกเช้า หลังตื่นนอน โดย ฝึกขับถ่ายเป็นเวลาทุกวัน การรับประทานอาหารที่มีกากใย เช่น เมนูอาหาร เมี่ยงคำ ส้มโอ ผักลวกน้ำพริก เป็นต้น จะช่วยให้การขับถ่ายเป็นไปได้ง่าย ช่วยให้ผิวดี
3.พักหน้าใสๆ ในวันที่ไม่ต้องออกไปทำธุระนอกบ้าน เพราะการแต่งหน้าก็เหมือนกับการที่เราเอาสิ่งต่างๆ มาอุดรูขุมขนของเราไว้ ดังนั้นเราควรให้ผิวหน้าได้พัก โดยงดการแต่งหน้า ซึ่งหากระหว่างวันใบหน้าเริ่มเกิดความมัน ควรล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าและซับให้แห้งด้วยผ้าสะอาด หรือใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเป็นสิวที่ช่วยต่อต้านจุลินทรีย์ ป้องกันต่อมไขมันอักเสบช่วยต้านการอักเสบ ลดอาการบวม แดง คัน
4.ดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ ข้อนี้อาจจะฟังดูแล้วธรรมดาทั่วๆ ไป แต่จริงๆ แล้ว หากปฏิบัติตามข้อนี้ได้ รับรองว่าภายใน 1 เดือน ผิวพรรณของคุณจะกลับมาดีและหลุดออกจากวงจรสิวได้อย่างแน่นอน
5.อย่าปล่อยให้เครื่องใช้ต่าง ๆ ต้องสงสัยว่าไม่สะอาด หรือมีสิ่งที่ระคายเคืองผิว เช่น ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน เสื้อผ้า ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้เกิดสิว นอกจากนั้นสารเคมีที่สัมผัสกับผิว เช่น ยาทาเล็บ แชมพู สบู่ ต้องเลือกที่ไม่ก่อนให้เกิดการแพ้ระคายเคืองด้วย


สอบถามและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหนัง ได้ทุกวันตั้งแต่เวลา
จันทร์ ถึง ศุกร์ 12.00 น. - 20.00 น.
เสาร์ ถึง อาทิตย์ 12.00 น. - 17.00 น.
#โทร : 088-521-8585
#Line : @1999MSC
#คลินิกผิวหนังมหานคร
#ตรวจรักษาโรคผิวหนังทุกชนิด ผมร่วง สิว ฝ้า ภูมิแพ้ผิวหนังในเด็ก เล็บผิดปกติ ผิวหนังอักเสบ รอยแผลเป็น รังแค สะเก็ดเงิน ลมพิษเรื้อรัง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้